คำอธิษฐานที่ได้รับแล้ว ตอนที่ 2 

คำอธิษฐานที่ได้รับแล้ว ตอนที่ 2
หลังจากที่เราได้ศึกษาไปแล้วก่อนหน้านี้ในเรื่องคำอธิษฐานที่ได้รับแล้ว ตอนที่ 1  วันนี้เราจะมาดูกันต่อในตอนที่ 2 ในพระวจนะ
‘อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆ เลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการขอบพระคุณ แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์ ‘ ฟีลิปปี 4:6-7 https://www.bible.com/bible/174/PHP.4.6-7
ในพระธรรมตอนนี้ที่เราจะกล่าวถึงในประเด็นต่อไป
ประการที่สอง ให้เราอธิษฐาน วิงวอนและขอบพระคุณ
เมื่อเราเมื่อความกระวนกระวายใจ เมื่อเราไดบอกทุกเรื่องราวของเราให้กับพระบิดาของเราได้รู้แล้วนั้น สิ่งที่สำคัญต่อมาคือการที่เราได้ทำใน สามสิ่งนี้ เป็นสิ่งที่มีพลังเป็นอย่างมากและพระวจนะก็ได้รับรองเองไว้แล้ว
ให้เราอธิษฐานต่อพระบิดา
    สิ่งแรกนี้เป็นจุดเริ่มต้นของการพึ่งพา ให้พระบิดาได้ช่วยนำเราในสถานการณ์ที่เรากำลังเผชิญอยู่นี้ เราเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้พระพระเยซูทรงเป็นพระเจ้า แต่พระองค์เองก็ยังใช้เวลาส่วนใหญ่ในการอธิษฐานกับพระบิดา ดังนั้นเราเองยังเป็นมนุษย์ที่ยังอ่อนกำลังได้ในบางสถานการณ์ เราจึงควรที่จะต้องให้เวลากับพระบิดาในการอธิษฐาน ยิ่งเราอธิษฐานมากเท่าใด เราก็จะเห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าผ่านคำอธิษฐานที่เราได้อธิษฐาน นี้
   เราจึงต้องจัดเวลาอย่างเจาะจงในการ อธิษฐานต่อพระเจ้าเสมอ หลายครั้งเรามักอธิษฐานในเวลาที่จวนเจียนมากเกินไป ทำให้เราเองพลาดที่จะเห็นความยิ่งใหญ่ของพระองค์ เพราะความใจร้อนและการไม่ได้รอคอยคำตอบจากพระองค์ การ อธิษฐานเป็นการสร้างความเชื่อและความไว้วางใจที่เรามีกับพระองค์ บางครั้งต้องใช้เวลาในกาอธิษฐานกับพระองค์ ไม่สามารถจะรีบ  ๆ ที่จะขอเพียงอย่างเดียวได้
    ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระองค์ เราต้องมีความกระหายอยากที่จะใกล้ชิดพระบิดา ผู้ที่เป็นพ่อฝ่ายวิญญาณของเรา ผู้ที่จะนำหน้าชีวิต จิตใจ และวิญญาณจิตของเรา เราต้องปรารถนาความกระหายเช่นนี้ที่จะมีหัวใจแห่งการอยากอธิษฐานต่อพระองค์เสมอ ในทุก ๆ เวลา ด้วย เชื่อเถิดครับ พระเจ้าทรงยิ่งใหญ่และรอคอยเรา และจะตอบในคำอธิษฐานนี้ด้วย
ให้เราทูลวิงวอน ( Supplication )
 
    สิ่งต่อมาคือการที่เราทูลวิงวอนต่อพระองค์อย่างสุดใจของเรา ในบางสถานการณ์ของชีวิต เราอาจต้องเผชิญกับเรื่องที่อาจะเป็นอุปสรรค เป็นภาระหนัก เป็นความกดดัน เป็นความกังวล เข้ามา การที่เราบอกเล่า ระบายความรู้สึก อธิษฐานต่อพระองค์เป็นสิ่งที่เราต้องทำอยู่ แต่พระองค์ให้เราอธิษฐานได้ลึกมากขึ้นกว่านั้นคือ การอธิษฐานแบบร้องทูลวิงวอน  ( Sup่่plication ) ต่อพระองค์  การอธิษฐานแบบนี้คือการที่เรายืนหยัดในการร้องทูลซ้ำเรื่องที่เรามีความต้องการให้พระเจ้าตอบคำถามอย่างมาก อาจเป็นเรื่องที่มีกำหนดเวลาที่ใกล้เข้ามามาก หรือเป็นเรื่องที่เป็นหัวเลี้ยวหัวต่อของชีวิต เป็นการอธิษฐานแบบไม่ลดละความพยายามนั้นจนกว่าพระเจ้าจะได้ตอบคำอธิษฐาน
    ตัวอย่างที่เราเห็นได้คือ พระเยซูเองก็สอนให้เราได้อธิษฐานในลักษณะนี้ คือการอธิษฐานที่ไม่ลดละ ไม่อ่อนระอาใจ โดยพระองค์ยกตัวอย่างของหญิงม่ายกับผู้พิพากษาที่ไม่เชื่อพระเจ้า มาเป็นคำอุปมาในเราได้เห็นภาพ นั่นคือ หญิงม่ายร้องทูลขอความเมตตาจากผู้พิพากษาที่ไม่เชื่อพระเจ้า คือไม่ยำเกรงพระเจ้า ไม่สนใจมนุษย์คนใด แต่ถึงกระนั้น ความมุ่งมั่นของหญิงม่ายในคำร้องทูลต่อท่านนั้น กลับทำให้ท่านยอมที่กระทำตามคำขอในที่สุด พระเจ้าก็ต้องการให้เราได้อธิษฐานในแบบนี้เมื่อเราอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวนี้เช่นกัน
    ‘พระเยซูตรัสอุปมาเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟัง เพื่อสอนว่าเขาทั้งหลายควรอธิษฐานอยู่เสมอและไม่อ่อนระอาใจ ‘ ลูกา 18:1 https://www.bible.com/bible/174/LUK.18.1
       ติดตามเรื่องราวต่อไปได้ใน ตอนที่ 3  ครับ –>
photo credit : Dominik Schröder

 

Leave a Comment

Your email address will not be published.