จงอธิษฐานอยู่เสมอ

เรารหิวกระหายในพระเจ้าอยู่ไหม

  เราหิวกระหายในพระเจ้าอยู่ไหม   ชีวิตคริสเตียนนั้นเป็นชีวิตที่ดำเนินไปด้วยฝ่ายวิญญาณ เรารับพระวิญญาณบริสุทธิ์เข้ามาในชีวิต เรารับการเปลี่ยนแปลงจากพระองค์ เรารับพระคุณความรักและความรอดจากพระเยซูผ่านความเชื่อของเรา เราได้ถูกย้ายจากถิ่นพำนักความมืดมาสู่ที่พำนักในความสว่างนิรันดร์แก่เรา    ในชีวิตฝ่ายวิญญาณแต่ละวันนั้น จำเป็นต้องทำให้จิตวิญญาณของเราเติบโตในทางของพระเจ้าทุก ๆ  วัน ความต้องการชีวิตฝ่ายวิญญาณก็ไม่ได้แตกต่างกับความต้องการฝ่ายเนื้อหนังเพื่อให้ชีวิตดำรงอยู่ ชีวิตฝ่ายเนื้อหนังนั้นต้องการอยู่สองอย่างคืออาหารและน้ำ ฉันใดก็ฉันนั้น ชีวิตฝ่ายวิญญาณยิ่งจะสำคัญมากกว่าเพราะเป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตทั้งสิ้น ความต้องการฝ่ายวิญญาณคือการติดสนิทกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ พระเจ้าของเราและการได้มีพระวจนะที่เป็นดังอาหารฝ่ายวิญญาณ   สองสิ่งนี้สำคัญกับจิตวิญญาณของเราเป็นอย่างยิ่ง ลองสำรวจตัวเราดูว่า ในแต่ละวันเราได้รับทั้งสองอย่างนี้มากน้อยแค่ไหน เรารู้สึกหิวกระหายไหมเวลาเราไม่ได้มีเวลาใกล้ชิดสนิทสนมกับพระวิญญาณ เราได้มีเวลาอธิษฐานส่วนตัว พูดคุยกับพระองค์มากพอที่จะทำให้จิตวิญญาณของเรารับการเติบเต็มด้วยพระองค์ไหม เราหิวกระหายในการแสวงหาอาหารฝ่ายวิญญาณคือการอ่านพระวจนะไหม เพื่อให้วิญญาณจิตเราอิ่มในแต่ละมื้อ    ถ้าเราไม่ได้รู้สึกว่าสองอย่างนี้เป็นความหิวกระหายฝ่ายวิญญาณ คือเรามไม่ได้มีเวลาใกล้ชิดพระองค์ทุก ๆวัน เราไม่ได้อ่านพระวจนะทุกวัน นั่นแสดงว่าเรากำลังมีปัญหากับวิญญาณจิตของเราแล้ว เราอาจทำงานฝ่ายกายภาพได้อย่างต่อเนื่อง เราทำงานของพระเจ้าได้อย่างราบรื่น เพราะสิ่งเหล่านั้นในร่างกายซึ่งเราก็ต้องใช้พลังงานผ่านการทานอาหารทุกมื้อ จริงไหม เราทานเราเลยมีกำลังในการทำงานด้วยร่างกายของเรา    แต่ที่สำคัญกว่านั้น สิ่งที่พระเยซูให้ความสำคัญคือเรื่องจิตวิญญาณมิใช่หรือ ? พระองค์เป็นแบบอย่างให้เแก่เราในการแสวงหาพระบิดาอยู่เสมอ แม้ว่าพระองค์จะทำพระราชิจของพระเจ้าหนักมากกว่าเราในแต่ละวัน พระองค์ไม่ขาดในการแสวงหาพระบิดาเลย แล้วเราเป็นใคร ที่จะละเลยสิ่งเหล่านี้ ชีวิตเรายังขับเคลื่อนด้วยความหิวกระหายในพระเจ้าอยู่หรือไม่ หรือว่าเราดำเนินชีวิตไปตามความต้องการฝ่ายร่างกายเพียงอย่างเดียว เรามีหัวใจรักพระเจ้า เรามุ่งทำงานหนักเพื่อให้งานพระเจ้าถูกขยายออกไป นั่นเป็นสิ่งหนึ่งที่เป็นพระมหาบัญชาที่พระเยซูให้ไว้ แต่…..แต่ถ้าเราไม่ได้ทำสิ่งที่สำคัญกว่าที่พระเยซูได้ทำเป็นแบบอย่างให้เรา ก่อนหน้านี้ในหลาย …

เรารหิวกระหายในพระเจ้าอยู่ไหม Read More »

บริสุทธิ์และปราศจากตำหนิเพื่อพระเจ้า

Intimacy Tuesday 4 September 2018 “ดังเช่น ในพระคริสต์ พระเจ้าทรงเลือกเราตั้งแต่ก่อนทรงสร้างโลก เพื่อให้เราบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิในสายพระเนตรของพระองค์” ‭‭เอเฟซัส‬ ‭1:4‬ ‭THSV11‬‬ http://bible.com/174/eph.1.4.thsv11   + พระเยซูเป็นตัวอย่างของพระทัยแห่งการทรงสร้างมนุษย์ที่ไม่มีบาป ใดๆ คือบริสุทธิ์และปราศจากตำหนิ ทั้งสิ้น และพระองค์เลือกเราให้กลับมาหาพระบิดาในเวลาของพระองค์   + แท้จริงแล้วความเป็นมนุษย์ปราศจากบาปมีมาตั้งแต่สมัยอดัมแล้ว สิ่งเหมือนกันคือ พระเจ้าสร้างให้มีความเป็นมนุษย์ 100 % ไม่มีบาป และให้การตัดสินใจโดยอิสระเกิดขึ้นแก่เขา อต่สิ่งที่ต่างคือ อดัมตัดสินใจตามการล่อลวง จากมารซาตานจากการสงสัยในพระทัยพระเจ้า แต่พระเยซูไม่เป็น้ช่นนนั้น พระองค์อยู่ในพระทัย แม้จะโดนมารล่อลวงถึง สามครั้ง ก็ยังผ่านมาได้   + ด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์อยู่ในเรา เป็นผู้ช่วยเราแล้ว เราจะมีชัยชนะในการดำเนินชีวิต ชัยชนะเหนือการล่อลวง ได้อย่างแน่นอน อาเมน 

พระบิดาผู้ประทานพระพรฝ่ายวิญญาณ

Intimacy Monday 3 September 2018 “สาธุการแด่พระเจ้าพระบิดาของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา ผู้ประทานพรฝ่ายจิตวิญญาณทุกอย่างแก่เราในสวรรคสถานโดยพระคริสต์” ‭‭เอเฟซัส‬ ‭1:3‬ ‭THSV11‬‬ http://bible.com/174/eph.1.3.thsv11   + เราสรรเสริญนมัสการพระบิดา ผู้เป็นบิดาของพระเยซูคริสต์ พระองค์เป็นผู้ที่อวยพรชีวิตของเราผ่านทางพระคุณของพระเยซูคริสต์เสมอ พระองค์มองเราจากฟ้าสวรรค์และให้พระพรแก่เราผ่านทางพระเยซู   + พระเยซูคริสต์จึงเป็นคนกลางระหว่างเราและพระบิดา นามพระเยซูจึงยิ่งใหญ่และเกรียงไกรมากเสมอ ขอให้พระเกียรติเป็นของพระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน