พระธรรม ยอห์น 1 : 1-51 ฉบับ 1971

พระวาทะบังเกิดเป็นมนุษย์

1ในปฐมกาลพระวาทะดำรงอยู่ และพระวาทะทรงสถิตอยู่กับพระเจ้า และพระวาทะทรงเป็นพระเจ้า 

2ในปฐมกาลพระองค์ทรงดำรงอยู่กับพระเจ้า 

3พระเจ้าทรงสร้างสิ่งทั้งปวงขึ้นมาโดยพระวาทะ ในบรรดาสิ่งที่เป็นมานั้น ไม่มีสักสิ่งเดียวที่ได้เป็นมานอกเหนือพระวาทะ 

4พระองค์ทรงเป็นแหล่งชีวิต และชีวิตนั้นเป็นความสว่างของมนุษย์ 

5ความสว่างส่องเข้ามาในความมืด และความมืดหาได้ชนะความสว่างไม่

6มีชายคนหนึ่งที่พระเจ้าทรงใช้มาชื่อยอห์น 

7ท่านมาเพื่อเป็นสักขีพยาน เพื่อเป็นพยานให้แก่ความสว่างนั้น เพื่อคนทั้งปวงจะได้มีความเชื่อเพราะท่าน 

8ท่านไม่ใช่ความสว่างนั้น แต่ท่านมาเพื่อเป็นพยานให้แก่ความสว่างนั้น

9ความสว่างแท้ที่ทำให้มนุษย์ทุกคนเห็นความจริงนั้นได้ แม้ขณะนั้นกำลังเข้ามาในโลก 

10พระองค์ทรงอยู่ในโลก ซึ่งพระเจ้าทรงสร้างขึ้นมาทางพระองค์ แต่โลกหาได้รู้จักพระองค์ไม่

11พระองค์ได้เสด็จมายังบ้านเมืองของพระองค์ และชาวบ้านชาวเมืองของพระองค์ไม่ได้ต้อนรับพระองค์ 

12แต่ส่วนบรรดาผู้ที่ต้อนรับพระองค์ ผู้ที่เชื่อในพระนามของพระองค์ พระองค์ก็ทรงประทานสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า 

13ซึ่งในฐานะนั้นเป็นผู้ที่มิได้เกิดจากเลือดเนื้อ หรือกาม หรือความประสงค์ของมนุษย์ แต่เกิดจากพระเจ้า

14พระวาทะได้ทรงบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงอยู่ท่ามกลางเรา บริบูรณ์ด้วยพระคุณและความจริง เราทั้งหลายได้เห็นพระสิริของพระองค์ คือพระสิริอันสมกับพระบุตรองค์เดียวของพระบิดา 

15ยอห์นได้เป็นพยานให้แก่พระองค์ และร้องประกาศว่า <<นี่แหละคือพระองค์ผู้ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงว่า พระองค์ผู้เสด็จมาภายหลังข้าพเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า>> 

16และเราทั้งหลายได้รับจากความบริบูรณ์ของพระองค์ เป็นพระคุณซ้อนพระคุณ 

17เพราะว่าพระเจ้าได้ทรงประทานธรรมบัญญัตินั้นทางโมเสส ส่วนพระคุณและความจริงมาทางพระเยซูคริสต์ 

18ไม่มีใครเคยเห็นพระเจ้าเลย พระบุตรองค์เดียวผู้ทรงสถิตอยู่ในพระทรวงของพระบิดา พระองค์ได้ทรงสำแดงพระเจ้าแล้วคำพยานของยอห์นผู้ให้บัพติศมา(มธ. 3:1-12; มก. 1:7-8; ลก. 3:15-17)

19นี่เป็นคำพยานของยอห์น คือเมื่อพวกยิวส่งพวกปุโรหิตและพวกเลวีจากกรุงเยรูซาเล็มไปถามท่านว่า <<ท่านคือผู้ใด>> 

20ท่านได้ยอมรับ ท่านมิได้ปฏิเสธ คือได้ยอมรับว่า <<ข้าพเจ้าไม่ใช่พระคริสต์>>

21เขาทั้งหลายจึงถามว่า <<ถ้าเช่นนั้นท่านเป็นใครเล่า ท่านเป็นเอลียาห์หรือ>> ท่านตอบว่า <<ข้าพเจ้าไม่ใช่เอลียาห์>> <<ท่านเป็นผู้เผยพระวจนะนั้นหรือ>> และท่านตอบว่า <<มิได้>> 

22คนเหล่านั้นจึงถามว่า <<ท่านเป็นใคร ขอให้เราได้รับคำตอบเพื่อจะได้ไปบอกผู้ที่ใช้เรามา ท่านกล่าวว่าท่านเป็นใคร>> 

23ท่านตอบว่า <<เราเป็นเสียงของผู้ที่ร้องประกาศในถิ่นทุรกันดารว่า <จงกระทำมรรคาขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้ตรงไป> ตามที่อิสยาห์ผู้เผยพระวจนะได้กล่าวไว้>>

24ฝ่ายผู้ที่พวกฟาริสีส่งไปนั้น 

25เขาเหล่านั้นก็ได้ถามท่านว่า <<ถ้าท่านไม่ใช่พระคริสต์ หรือเอลียาห์ หรือผู้เผยพระวจนะนั้นแล้ว ทำไมท่านจึงทำพิธีบัพติศมา>> 

26ยอห์นได้ตอบเขาเหล่านั้นว่า <<ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ แต่มีพระองค์หนึ่งซึ่งประทับอยู่ในหมู่พวกท่านนั้น ท่านไม่รู้จัก 

27พระองค์นั้นแหละมาภายหลังข้าพเจ้า แม้สายรัดฉลองพระบาทของพระองค์ ข้าพเจ้าก็ไม่บังควรที่จะแก้>> 

28เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่หมู่บ้านเบธานีฟากแม่น้ำจอร์แดนข้างตะวันออก อันเป็นที่ซึ่งยอห์นกำลังให้บัพติศมาอยู่จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า

29วันรุ่งขึ้นยอห์นเห็นพระเยซูกำลังเสด็จมาทางท่าน ท่านจึงกล่าวว่า <<จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า ผู้ทรงรับความผิดบาปของโลกไปเสีย 

30พระองค์นี้แหละที่ข้าพเจ้าได้กล่าวว่า <ภายหลังข้าพเจ้า จะมีผู้หนึ่งเสด็จมาเป็นใหญ่กว่าข้าพเจ้า เพราะว่าพระองค์ทรงดำรงอยู่ก่อนข้าพเจ้า> 

31ข้าพเจ้าเองก็ไม่ได้รู้จักพระองค์ แต่เพื่อให้พระองค์ทรงเป็นที่ประจักษ์แก่พวกอิสราเอล ข้าพเจ้าจึงได้มาให้บัพติศมาด้วยน้ำ>> 

32และยอห์นกล่าวเป็นพยานว่า <<ข้าพเจ้าเห็นพระวิญญาณเหมือนดังนกพิราบ เสด็จลงมาจากสวรรค์และทรงสถิตบนพระองค์ 

33ข้าพเจ้าเองไม่รู้จักพระองค์ แต่พระองค์ทรงใช้ให้ข้าพเจ้าให้บัพติศมาด้วยน้ำ ได้ตรัสกับข้าพเจ้าว่า <เมื่อเจ้าเห็นพระวิญญาณเสด็จลงมาสถิตอยู่บนผู้ใด ผู้นั้นแหละเป็นผู้ให้บัพติศมาด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์> 

34และข้าพเจ้าก็ได้เห็นแล้วและได้เป็นพยานว่า พระองค์นี้แหละเป็นพระบุตรของพระเจ้า>>สาวกพวกแรก

35รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยอห์นกำลังยืนอยู่กับสาวกของท่านสองคน 

36และท่านมองดูพระเยซูขณะที่พระองค์ทรงดำเนินและกล่าวว่า <<จงดูพระเมษโปดกของพระเจ้า>> 

37สาวกสองคนนั้นได้ยินท่านพูดเช่นนี้ เขาจึงติดตามพระเยซูไป 

38พระเยซูทรงเหลียวกลับมาและเห็นเขาตามพระองค์ไป จึงตรัสถามเขาว่า <<ท่านหาอะไร>> และเขาทั้งสองทูลพระองค์ว่า <<รับบี (ซึ่งแปลว่าอาจารย์) ท่านอยู่ที่ไหน>> 

39พระองค์ตรัสตอบเขาว่า <<มาดูเถิด>> เขาก็ไปและเห็นที่ซึ่งพระองค์ทรงพำนัก และวันนั้นเขาก็ได้พักอยู่กับพระองค์ เพราะขณะนั้นประมาณสี่โมงเย็นแล้ว 

40คนหนึ่งในสองคนที่ได้ยินยอห์นพูดและได้ติดตามพระองค์ไปนั้น คืออันดรูว์น้องชายของซีโมนเปโตร 

41แล้วอันดรูว์ก็ไปหาซีโมนพี่ชายของตนก่อน และบอกเขาว่า <<เราได้พบพระเมสสิยาห์แล้ว>> (ซึ่งแปลว่าพระคริสต์) 

42อันดรูว์จึงพาซีโมนไปเฝ้าพระเยซู พระเยซูทรงทอดพระเนตรเขาแล้วจึงตรัสว่า <<ท่านคือซีโมนบุตรยอห์นซีนะ เขาจะเรียกท่านว่าเคฟาส>> (ซึ่งแปลว่าศิลา)ทรงเรียกฟีลิปและนาธานาเอล

43รุ่งขึ้นพระเยซูตั้งพระทัยจะเสด็จไปยังแคว้นกาลิลี พระองค์ทรงพบฟีลิปจึงตรัสกับเขาว่า <<จงตามเรามา>> 

44ฟีลิปมาจากเบธไซดาเมืองของอันดรูว์และเปโตร 

45ฟีลิปไปหานาธานาเอลบอกเขาว่า <<เราได้พบพระองค์ผู้ที่โมเสสได้กล่าวถึงในหนังสือธรรมบัญญัติ และที่พวกผู้เผยพระวจนะได้กล่าวถึง คือ พระเยซู ชาวนาซาเร็ธบุตรโยเซฟ>> 

46นาธานาเอลถามเขาว่า <<สิ่งดีอันใดจะมาจากนาซาเร็ธได้หรือ>> ฟีลิปตอบว่า <<มาดูเถิด>> 

47พระเยซูทรงเห็นนาธานาเอลมาหา พระองค์จึงตรัสถึงเรื่องของตัวเขาว่า <<ดูเถิด ชนอิสราเอลแท้ ในตัวเขาไม่มีอุบาย>> 

48นาธานาเอลทูลถามพระองค์ว่า <<พระองค์ทรงรู้จักข้าพระองค์ได้อย่างไร>> พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<ก่อนที่ฟีลิปจะเรียกท่าน เมื่อท่านอยู่ที่ใต้ต้นมะเดื่อนั้น เราเห็นท่าน>> 

49นาธานาเอลทูลตอบพระองค์ว่า <<รับบี พระองค์ทรงเป็นพระบุตรของพระเจ้า พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์ของชนชาติอิสราเอล>> 

50พระเยซูตรัสตอบเขาว่า <<เพราะเราบอกท่านว่า เราเห็นท่านอยู่ใต้ต้นมะเดื่อนั้นท่านจึงเชื่อหรือ ท่านจะได้เห็นเหตุการณ์ใหญ่กว่านั้นอีก>> 

51และพระองค์ตรัสกับเขาว่า <<เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ท่านจะได้เห็นท้องฟ้าเบิกออก และบรรดาทูตสวรรค์ของพระเจ้าขึ้นและลงอยู่เหนือบุตรมนุษย์>>

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับ พระคัมภีร์ไทย ฉบับ 1971

Leave a Comment

Your email address will not be published.