จงทานพระวจนะเป็นอาหารฝ่ายวิญญาณทุกวัน
ทุกวันที่เราตื่นขึ้น ร่างกายเราจำเป็นที่จะได้รับอาหารเพื่อทำให้ตัวเรามีกำลังที่จะทำการงาน หรือหน้าที่รับผิดชอบต่าง ๆ ต่อไปได้ อาหารจึงจำเป็นสำหรับร่างกายของเรา
และเช่นเดียวกัน จิตวิญญาณของเราก็ต้องการอาหารฝ่ายวิญญาณ เพื่อที่จะทำให้ร่างกายฝ่ายวิญญาณรับสารอาหารที่ครบบริบูรณ์ และมีกำลังในฝ่ายวิญญาณที่จะทำการงานต่าง ต่อไปได้
หลายครั้งคริสเตียนละเลยที่จะทานอาหารฝ่ายวิญญาณ แต่ให้อาหารฝ่ายร่างกายทำหน้าที่แทน หมายความว่า พวกเขาอาจคิดว่า ทานอาหารฝ่ายร่างกายก็คงจะเพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องทานอาหารฝ่ายวิญญาณทุก ๆ วัน ซึ่งเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก
เราต้องตั้งคำถามกับตัวเราก่อนว่า “วันนี้เรารู้สึกหิวฝ่ายวิญญาณอยู่ไหม” นั่นคือเมื่อเรารู้ว่าอาหารฝ่ายวิญญาณนั้นจะทำให้จิตวิญญาณมีกำลังและทำให้ร่างกายแข็งแรง เหมือนกับที่เราให้เวลาในการเลือกทานอาหารที่มีประโยช์นและมีโภชนการสูง
ถ้าเราตอบตัวเราเอง เรารู้สึกเฉย ๆ กับการทานอาหารฝ่ายวิญญาณ นั่นเป็นสัญญาณที่เป็นอันตรายต่อจิตวิญญาณอย่างยิ่ง และจะส่งผลต่อการดำเนินชีวิตคริสเตียนอย่างแน่นอน เพราะร่างกายฝ่ายวิญญาณได้ขาดสารอาหารที่จำเป็นสำหรับชีวิตฝ่ายวิญญาณไปแล้ว
อาหารฝ่ายวิญญาณนั่นก็คือ พระวจนะหรือพระคำของพระเจ้า อาจเป็นหนังสือ หรือเป็นแอพที่อยู่ในโทรศัพท์มือถือ ของเราเอง การอ่านพระคำพระเจ้า นั่นเสมือนกับการที่เราได้ทานอาหารฝ่ายวิญญาณ ยิ่งเราใช้เวลาใคร่ครวญ โดยให้พระวิญญาณช่วยทำความเข้าใจแทนเรา ก็เหมือนกับเราได้ เคี้ยวอาหารที่แสนอร่อยนี้อย่างช้าๆ และกลืนลงไปด้วยความอิ่มหนำสำราญใจ
พระเยซูกล่าวชัดเจน ว่า “ฝ่ายพระองค์ตรัสตอบว่า “มีพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า ‘มนุษย์จะบำรุงชีวิตด้วยอาหารสิ่งเดียวหามิได้ แต่บำรุงด้วยพระวจนะทุกคำซึ่งออกมาจากพระโอษฐ์ของพระเจ้า ” (มธ.4:4)
ดังนั้น เราต้องการสำรวจตัวเราและเริ่มต้นอธิษฐานให้จิตวิญญาณเรากระหายพระวจนะที่เป็นอาหารฝ่ายวิญญาณ และทานอาหารนี้ ทุก ๆ วัน ขอย้ำว่า ทุก ๆ วัน เพราะจะทำให้เรามีกำลังในฝ่ายวิญญาณ และเราจะตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ ไม่ใช่ด้วยเนื้อหนัง อีกต่อไป